top of page

Darla's blog

Search

วัดโลกโมฬี

  • Writer: Admin
    Admin
  • Oct 25, 2017
  • 1 min read

วัดโลกโมฬี

ประวัติศาสตร์และความเป็นมา

วัดโลกโมฬีตั้งอยู่บริเวณริมคูเมือง ด้านนอกกำแพงเมืองเชียงใหม่ด้านทิศเหนือ เป็นวัดสำคัญของประตูช้างเผือก คำว่าโมฬีหมายความว่าศูนย์กลาง ดังนั้นคำว่าวัดโลกโมฬีก็คือศูนย์กลางที่รวมของคนที่มาที่นี่เมืองเชียงใหม่ ปัจจุบันได้กลับฟื้นคืนมาเป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาและประกอบศาสนกิจให้แก่ชุมชนอีกครั้ง หลังจากอยู่ในสภาพรกร้างมาเป็นระยะยาวนาน

วัดโลกโมฬี สันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นในพุทธศวตรรษที่19 สมัยของพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์มังรายพระองค์ใดนั้นยังไม่พบหลักฐานโดยแน่ชัด แต่มีประวัติความเป็นมาที่ได้กล่าวถึงในเอกสารครั้งแรกเมื่อราชสมัยของพระเจ้ากือนา กษัตริย์ผู้ครองเมืองเชียงใหม่ ลำดับที่ 8 แห่งราชวงศ์มังราย โดยได้กล่าวถึง การติดต่อสือพระพุทธศาสนาระหว่างเชียงใหม่กับสำนักพระอุทุมพรบุปผามหาสวามี แห่งเมืองพัน (เมาะตะมะ) โดยทางเมืองพันได้ส่งคณะสงฆ์ลัทธิลังกาวงศ์ มีพระอานันทเถรเป็นประธานมายังเชียงใหม่ตามเอกสารได้กล่าวว่าพระเจ้ากือนาได้จัดรับพระเถรรามัญให้สำนักอยู่ที่วัดโลก ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจเป็นวัดเดียวกับวัดโลกโมฬี

ต่อมาในสมัยของพระเมืองเกศเกล้า เมื่อพ.ศ.2070 พระองค์ทรงโปรดให้สถาปนาพระอารามขึ้นที่วัดหัวเวียงให้ชื่อว่าวัดโลกโมฬี และได้ก่อพระมหาเจดีย์และยกวิหารวัดโลกโมฬีในคราวนั้นด้วย

พระเมืองเกศเกล้าเป็นพระอนุชาชาของพระเมืองแก้ว (พระราชโอรสของพระเจ้ายอดเชียงราย) พระองค์ครองราชย์ในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากนับตั้งแต่สิ้นรัชกาลของพระเจ้าติโลกราชแล้ว ได้เกิดเหตุการณ์จลาจลแย่งชิงราชสมบัติบ่อยครั้ง ในรัชกาลของพระเมืองเกศเกล้านี้อำนาจตกอยู่ในมือขุนนาง ก่อนหน้าที่พระองค์จะเสด็จขึ้นครองราชย์ พระเมืองเกศเกล้าอยู่ครองเมืองน้อย จึงไม่มีฐานอำนาจในเมืองเชียงใหม่ ในปีพ.ศ.2081 ขุนนางปลดพระองค์และส่งไปครองเมืองน้อยตามเดิม และได้เชิญเท้าทรายคำโอรสของพระเกศเกล้าขึ้นครองราชย์แทน แต่ครองราชย์ได้เพียง5ปีก็ถูกปลงพระชนม์ ขุนนางจึงได้เชิญพญาเกศกลับมาครองราชย์เช่นเดิม แต่ได้เพียง2ปีก็ถูกปลงพระชนม์

เจดีย์วัดโลกโมฬีที่พระองค์ทรงโปรดให้สร้างขึ้น ถูกใช้เป็นสถานที่บรรจุอัฐิธาตุของพระองค์ จากนั้นเสนาอมาตย์จึงได้ทูลเชิญพระนางจิรประภา ราชธิดาขึ้นครองราชย์ บางตำนานให้ความเห็นว่า พระนางจิรประภา น่าจะเป็นพระมเหสีของพญาเมืองเกศเกล้า เพราะมีบันทึกชื่อของพระนางว่า "พระนางจิรประภามหาเทวี" ซึ่งก็น่าจะเป็นชื่อของพระองค์

ในสมัยพระนางจิรประภามหาเทวี ขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2088 - 2089 อันเป็นช่วงที่เหล่าขุนนางเรืองอำนาจ ทำให้เมืองเชียงใหม่อ่อนแอ เป็นเหตุให้สมเด็จพระไชยราชาธิราช กษัตริย์อยุธยายกทัพมาหมาย จะตีเมืองเชียงใหม่ แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของพระนางจิรประภา มหาเทวี จึงรักษาเอกราชไว้ได้ ด้วยการแต่งเครื่องบรรณาการไปถวายขอเป็นมิตร พร้อมทูลเชิญพระไชยราชาธิราชเสด็จมาทำบุญที่กู่พญาเมืองเกศเกล้าที่วัดโลกโมฬี และยังพระราชทานทรัพย์สร้างกู่พญาเมืองเกศเกล้าใหม่ ด้วย 5000 เงิน กับผ้าทรง 1 ผืนให้สมพระราชเกียรติ

ในรัชสมัยของพระนางวิสุทธิราชเทวี กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์มังรายได้ทรงทำนุบำรุงในพระศาสนาอีกครั้ง ทรงเลื่อมใสในพระสังฆราชโลกโมฬีเจ้า จวบจนพระนางเสด็จทิวงคต พ.ศ. 2121 ได้มีการถวายพระเพลิงพระนางวิสุทธิราชเทวีและบรรจุพระอัฐิไว้ในบริเวณพระอารามหลวงวัดโลกโมฬี

หลังจากนั้นเมืองเชียงใหม่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2122 เป็นต้นมารวมระยะเวลานานกว่า 200 ปี ช่วงนั้นวัดวาอารามต่าง ๆ ถูกเผา ทำลายแต่วัดโลกโมฬีไม่ได้ถูกเผา เนื่องจากกษัตริย์เมืองเชียงใหม่ พระเจ้ามังทรานรมัยคุย (ราชบุตรของพระเจ้าบุเรงนองครองราชย์

พ.ศ. 2122 - 2150) ได้ทรงเมตตาธรรมพระมหาสมเด็จวัดโลกโมฬีไว้กับวัดวิสุทธาราม และเป็นวัดสำคัญในพระราชสำนักมาโดยตลอด จวบจนถึงสมัยของพระเจ้าสุทโธธรรมราชา พ.ศ. 2182 ได้ทรงมีพระราชศรัทธาถวายทานอันยิ่งใหญ่ให้วัดทุกวัดเป็นราชฐานทำบุญเดือนยี่เป็งบูชาพระพุทธรูป พระธาตุเจ้า พระภิกษุสามเณร และสมเด็จพระสังฆราชโลกโมฬี เป็นประจำทุกปีถือเป็นประเพณีปฏิบัติที่สำคัญในช่วงเวลานั้นแต่เดิมเมื่อปี พ.ศ. 2440

 
 
 

Comments


Featured Posts
Check back soon
Once posts are published, you’ll see them here.
Recent Posts
Archive
Search By Tags
Follow Us
bottom of page